ขนมตะโก้ เป็นขนมไทย ที่จะเรียกว่า มีขั้นตอนการทำที่ยาก ก็ไม่ถึงกับยากขนาดนั้น จะว่าง่าย มันก็ไม่ได้ง่ายอะไรขนาดนั้น เอาเป็นว่า มันเป็น ขนมไทย ที่ต้องใช้ ความประณีต ความอดทน ความละเอียด และความใส่ใจ ในทุกขั้นตอนเลยนะครับ มันเป็นเสน่ห์ของขนมไทย อย่างแท้จริง ในเมนูนี้ มีเคล็ดลับหลายๆ อย่าง ที่ต้องใช้ความละเอียด แบบว่า หลายท่าน ถ้าไม่ใช่คนโบราณ อายุเกิน 40 ปีขึ้นไป รับรองว่า ไม่รู้แน่ๆ ครับ อย่างเช่น การทำน้ำลอยมะลิ อันนี้ คนรุ่นใหม่ ไม่มีทางรู้แน่นอน ว่าต้องทำยังไง มันถึงจะหอม ไม่ใช่แค่ เอาดอกมะลิ มากดๆ ลงไปในน้ำ แล้วมันจะหอม แบบนั้น ไม่มีทางครับ มันมีทั้งเรื่องของ เวลา และเทคนิคการหย่อนดอกมะลิ ซึ่งเป็นภูมิปัญญา ของคนไทยโบราณ เป็นมรดกทางวัฒนธรรมการทำอาหาร ที่ผมกล้าบอกเลยว่า ตามร้านขายขนมไทย ทั่วไป ที่ทำตะโก้ออกมา ลองไปซื้อชิมดูก็ได้ครับ ว่ามีกลิ่นหอมของ ดอกมะลิหรือไม่ เมนูนี้ ไม่มีอะไรยากแบบสุดๆ แต่มีขั้นตอนในการกวน ที่ต้องใช้ความอดทนแบบสุดๆ เลยทีเดียว ต้องมีความตั้งใจ ที่จะทำจริงๆ นะครับ สำหรับคนที่อยากจะทำขาย ต้องประณีตนะครับ เมื่อทำออกมาแล้ว ผลของความตั้งใจ มันจะอยู่ในรสชาติ และกลิ่นของ ตะโก้ ที่เราทำออกมาครับ แบบว่า คนกินแล้ว ต้องติดใจ ซื้อเหมากลับบ้านไปแน่นอนครับ
วัตถุดิบที่จำเป็นต้องใช้
- มะพร้าวทึนทึก
- แห้ว
- ใบตอง
- ใบเตย
- เม็ดสาคู
- น้ำตาลทราย
- เกลือ
- แป้งข้าวจ้าว
วิธีทำ ขนมตะโก้
- เริ่มด้วยการเตรียมใบตอง นำมาฉีก แล้วหั่นเป็นวงกลม โดยใช้ถ้วยเป็นรูปแบบ เพื่อทำเป็นกระทง โดยเย็บให้ลายใบตองขัดกันไว้ จะได้ไม่รั่ว
- ต่อไปก็นำใบเตย มาล้างให้สะอาดแบบสุดๆ ล้างทีละใบเลยนะครับ
- นำใบเตยที่ล้างแล้ว มาสะบัดให้แห้ง แล้วนำมาซอยให้เป็นเน้นเล็กๆ มากๆ
- นำไปปั่นกับน้ำให้ละเอียดยิบเลยนะครับ
- พอปั่นละเอียดแล้ว ก็นำมากรอง แยกเอาแต่น้ำ
- นำแห้วที่ฝานเป็นแผ่นๆ บางๆ มาต้มก่อน แล้วจึงนำมาเชื่อม ด้วยน้ำตาลทราย
- นำเม็ดสาคู มากวน ใช้ไฟปานกลางนะครับ โดยเติมน้ำลงไปเรื่อยๆ เม็ดสาคู จะค่อยๆ อมน้ำ แล้วบานขึ้นเรื่อยๆ กวนด้วยไม้พายไปเรื่อยๆ นะครับ ขั้นตอนนี้จะนานสักหน่อย และเมื่อยทีเดียว
- พอเม็ดสาคู เริ่มบานได้เต็มที่ ก็ใส่แห้วที่เรากวนแล้วลงไป กวนต่อไป
- ใส่น้ำตาลทรายลงไป อย่าใส่เยอะมากนะครับ ค่อยๆ ใส่ เดี๋ยวหวานเกินไป จะแก้ยาก กวนไปเรื่อยๆ
- เติมน้ำใบเตยลงไป กวนไปเรื่อยๆ บอกแล้วครับว่า เมื่อยจริงๆ ขั้นตอนนี้
- หลังจากกวนมาประมาณ 45 นาที จนทุกอย่างได้ที่ สามารถลองชิมดูได้ว่า หวานน้อยไปหรือเปล่า สามารถปรุงรสเพิ่มเติมได้ครับ ด้วยการเติมน้ำตาลลงไป
- พอปรุงรส และกวนจนได้ที่แล้ว ก็ตักใส่กระทงใบตองได้เลยครับ ให้ใส่แค่ครึ่งหนึ่งของกระทง นะครับ
- ต่อไปเป็นการทำ น้ำราดหน้ากะทิ เริ่มด้วยการ นำหางกะทิ 1 กก. มาผสมกับ หัวกะทิ ครึ่งกิโลกรัม มาใส่ในกระทะทองเหลือง ตั้งไฟกลาง
- ใส่น้ำตาลทราย และเกลือลงไป ค่อยๆ ใส่ทีละน้อย แล้วชิมไปนะครับ
- คนให้น้ำตาล และเกลือละลาย แล้วลองชิมดู โดยรสชาติ เค็ม และหวาน ต้องเท่ากันนะครับ
- นำแป้งข้าวจ้าว มาละลายด้วย น้ำที่ลอยดอกมะลิเอาไว้ จะมีกลิ่นหอมแบบขนมไทยมากๆ
- นำน้ำแป้ง ที่ละลายแล้ว ใส่ลงไป กวนให้เข้ากับ น้ำกะทิ ในกระทะทองเหลือง
- กวนไปเรื่อยๆ จนน้ำกะทิ มีลักษณะข้น ในระหว่างนั้น เติมหัวกะทิไปเรื่อยๆ ทีละน้อย
- ลองชิมดูว่ารสชาติถูกใจหรือยัง ถ้าถูกใจแล้ว ก็ใส่หัวกะทิลงไปครั้งสุดท้าย ก่อนตักขึ้น เพื่อให้เกิดความเงา
- กวนต่ออีกเล็กน้อย แล้วก็ตักใส่กระทงได้เลย
- พักไว้จนเริ่มเย็น กะทิ ก็จะแข็งตัว เป็นอันเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ
เคล็ดลับสำคัญของเมนู ขนมตะโก้
- การกรองใบเตยปั่น ต้องกรองหลายๆ ครั้ง เพื่อไม่ให้มีเศษตะกอนเลยนะครับ เพราะเราต้องการแต่น้ำจริงๆ
- ในขั้นตอนการกวนเม็ดสาคู ต้องใช้การเติมน้ำเย็นนะครับ อย่าใช้น้ำร้อนเติมเข้าไป ค่อยๆ กวน เม็ดสาคูจะค่อยๆ บานออกมา พอเริ่มเห็นเป็นเม็ดใสๆ มีไตเป็นเม็ดอยู่ข้างในนิดนึง ก็แสดงว่าใช้ได้แล้วครับ อย่ากวนจนเป็นเม็ดใสทั้งหมด จนไม่เหลือไตข้างในนะครับ แบบนั้นใช้ไม่ได้ เพราะมันจะกลายเป็นสาคูเปียกไปครับ
- แห้ว ต้องนำมากวนก่อน เพื่อให้มันมีความหวาน และมีความหนึบๆ ถ้าไม่กวน แห้วจะมีความกรอบ ซึ่งมันไม่เข้ากับ ขนมตะโก้ เลยครับ
- การตักสาคูที่กวนแล้ว ใส่ใบตอง ต้องตักตอนที่สาคูยังร้อนๆ นะครับ เพราะมันจะไปทำให้ใบตอง ส่งกลิ่นหอมขึ้นมา
- การทำน้ำลอยมะลินั้น ไม่ยาก แต่มีความละเอียดสูง ตามตำรับโบราณว่าเอาไว้ว่า ให้เก็บดอกมะลิ ตอน 1 ทุ่ม ตอนที่มะลิ กำลังเริ่มแย้มบาน แล้วเตรียมน้ำใส่หม้อเอาไว้ ค่อยๆ หย่อน ดอกมะลิลงไป ย้ำว่า ค่อยๆ หย่อนนะครับ ถ้าใส่ลงไปแรงๆ แบบทิ้งลงไป มะลิมันจะสำลักน้ำนะครับ จากนั้นปิดฝาหม้อทิ้งเอาไว้ ตอนเช้าก็ช้อนมะลิขึ้นมา เอาแต่น้ำไว้ทำ ขนมไทย ได้เลยครับ
เมนูนี้เป็น ขนมไทยโบราณ ถึงแม้ว่าท่านอาจจะไม่ทำ แต่ผมก็อยากให้ท่าน ช่วยกันแชร์เมนูนี้ ให้กับเพื่อนๆ หรือคนรู้จัก ได้รู้ว่า ขนมไทย ที่ดูเหมือนง่ายๆ เห็นวางขาย กระทงละไม่กี่บาท มีขั้นตอนในการทำ ที่ยากขนาดไหน และถ้าไปกินแล้ว ไม่มีกลิ่นหอมมะลิ ก็อย่าไปซื้อเยอะครับ แสดงว่า เค้าไม่ได้ทำแบบโบราณ หรือไม่ประณีตจริงๆ จะได้รู้ว่า ขนมตะโก้ แบบไทยโบราณจริงๆ รสชาติมันต้องเป็นอย่างไร