แกงเห็ดผักหวาน เมนูที่ผมดัดแปลงจาก แกงเห็ด ขึ้นมาอีกขั้น โดยใช้สูตรที่แตกต่างขึ้นมาเล็กน้อย ใส่ผักหวานป่าลงไปอีก เพื่อเพิ่มความหวานของน้ำผัก และประโยชน์แก่ร่างกาย เมนูนี้ ผมทำขึ้นมาเพื่อเน้นการลดน้ำหนัก และลดไขมันในเลือดโดยเฉพาะ เพราะมีสารอาหารครบ 5 หมู่เต็มๆ จะทำเป็นแบบซุป กินเปล่าๆ โดยไม่ต้องมีข้าวก็ได้ ก็ทำรสชาติให้อ่อนลงมาหน่อย หรือจะทำให้เข้มข้นขึ้นมานิดนึง เพื่อกินกับข้าว ก็ได้เช่นกัน หรือจะทำเป็นกับแกล้ม ก็ได้อีก สรุปก็คือ เป็นเมนูที่ค่อนข้างจะมีความหลากหลาย สามารถนำมากินได้ทุกแบบ ประโยชน์จากเห็ด และผักหวานนั้น มีประโยชน์มากมาย เห็ดที่จะนำมาทำนั้นไม่จำกัดนะครับ แล้วแต่ความชอบเลย เพราะแต่ละคน ก็ชอบเห็ดแต่ละชนิดไม่เหมือนกัน อย่างผม ชอบเห็ดหูหนู ผมก็จะใส่เยอะหน่อย สำหรับเมนูนี้ มีขั้นตอนที่ง่ายแสนง่าย สามารถใช้เตาไฟฟ้า ทำในคอนโด หรือครัวปิดได้สบายๆ แต่ก็มีเคล็ดลับบางอย่าง ที่ควรจะต้องรู้เอาไว้ ไม่อย่างนั้น ทำออกมาได้ แต่อาจจะไม่อร่อยนะครับ
วัตถุดิบที่จำเป็นต้องใช้
- เห็ดต่างๆ
- ผักหวานป่า/ผักหวานบ้าน
- หมูสับ
- พริกขี้หนูแห้ง
- ตะไคร้ซอย
- ข่าซอย
- กระเทียม
- หอมแดง
- กะปิ
- น้ำปลา
วิธีทำ แกงเห็ดผักหวาน
- โขลกพริกแห้ง ( เผ็ดมากน้อย แล้วแต่ชอบ ) ตะไคร้ ข่า กระเทียม หอมแดงให้ละเอียด
- เติมกะปิเล็กน้อย โขลกต่อไปให้เข้ากัน
- นำหม้อใส่น้ำเปล่า ตั้งไฟแรง นำน้ำพริกที่โขลกแล้วใส่ลงไป ละลายน้ำ คนให้แตกกระจาย
- รอจนน้ำแกงเดือด จึงใส่หมูสับลงไป
- ปรุงรสชาติด้วยน้ำปลา ให้เค็มนิดหน่อย
- ใส่เห็ดลงไปทีละอย่าง ตามความหนาบางของเห็ด หรือตามที่หั่นไว้ เห็ดหนา สุกยาก ก็ใส่ลงไปก่อน
- ปล่อยทิ้งไว้ รอให้เดือดประมาณ 2 นาที
- ใส่ผักหวานลงไป รอให้เดือดต่อไปซักพัก แล้วยกขึ้นจากเตา ทานคู่กับข้าวสวย และปลานิลทอดร้อนๆ อร่อยสุดยอด
เคล็ดลับเมนู แกงเห็ดผักหวาน
- ไม่ควรใส่น้ำมากเกินไป เพราะผักเมื่อโดนความร้อน ก็จะคายน้ำออกมาเพิ่ม หากใส่น้ำเยอะ ก็จะทำให้รสชาติเจือจาง ไม่เข้มข้น และปรุงรสให้ออกมาอร่อยได้ยาก
- น้ำแกงจะข้นหรือใส ก็ขึ้นอยู่กับน้ำพริกว่าละเอียดมากน้อยเพียงใด หากละเอียดมากน้ำแกงก็จะข้นสวย น่าทานมากกว่า
- การใส่เห็ดลงในน้ำแกง ต้องปล่อยให้เดือดประมาณ 2 – 3 นาที เนื่องจาก การต้มเห็ด ในระยะเวลานาน จะกำจัดกลิ่นเหม็นเฉพาะของเห็ดได้
- เมื่อใส่ผักหวานแล้ว พอน้ำแกงเดือดต้องยกขึ้นทันที เพื่อที่ผักหวาน จะยังคงความเขียวสวยอยู่ ไม่ดำ
- แต่ละครั้งที่ใส่ผักลงในน้ำแกงแล้ว ต้องปล่อยให้น้ำเดือด พร้อมกับผักนั้นๆเสมอ ทั้งนี้เนื่องจาก ผักแต่ละชนิด มีน้ำในตัวของมันเอง เมื่อโดนความร้อน ก็จะคายน้ำออกมาเพิ่ม ทำให้น้ำแกงหยุดเดือดเมื่อเติมผักลงไป